ปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค FUE ไร้รอยแผล
วิธีการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction) คือหนึ่งในเทคนิคการแก้ไขปัญหาเส้นผมต่างๆ ไม่ว่าจะผมร่วง ขาด ศีรษะล้านแบบไร้รอยแผลเป็น หลักการทำงานเบื้องต้นคือเป็นการย้ายรากผมบริเวณเหนือกกหู หรือส่วนด้านหลังของหัวมาแก้ไขบริเวณที่มีปัญหา ขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างไรบ้างเข้ามาอ่านในบทความนี้กันได้เลย
FUE (Follicular Unit Extraction) คืออะไร
FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นวิธีการปลูกผมชนิดหนึ่งที่ใช้ในการย้ายรากผมจากส่วนหนึ่งของหนังศีรษะไปยังอีกส่วนหนึ่ง โดย FUE จะมีการใช้เครื่องมือไฟฟ้าที่ชื่อว่าTrivellini เจาะรูเล็ก ๆ บนหนังศีรษะเพื่อนำรากผมออกมาทีละหน่วย ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นเพียงเล็ก ๆ เท่านั้น ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และไม่จำเป็นต้องโกนผมทั้งหัว โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะใช้บริเวณกอผมที่ท้ายทอยหรือว่าด้านเหนือกกหูเนื่องจากว่าเป็นบริเวณที่มีรากผมแข็งแรงกว่าส่วนอื่นๆ ทำให้เหมาะกับการปลูกผม การปลูก FUE นั้นสามารถนำรากผมจากบริเวณอื่นได้ทำด้วยเช่นกัน เครา ขนแขน ขา หน้าแข้ง รวมถึง หนวดก็สามารถนำมาปลูกได้
หลักการทำงาน
หลักการทำงานของ FUE (Follicular Unit Extraction) จะมีลักษณะคล้ายกับการปลูกอวัยวะ เนื่องจากเป็นการนำเซลล์รากผมมาปลูกถ่ายลงบริเวณใหม่ โดยหลังจากปลูกเสร็จจะทำให้เซลล์ยึดอยู่กับเนื้อเยื่อรอบๆ ทำให้ผมใหม่งอกขึ้นจากเซลล์บริเวณนั้น ทำให้รักษาอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านได้ FUE เป็นอีกการรักษาที่ปลอดภัย สามารถทำได้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เนื่องจากว่าเป็นการนำเซลล์จากร่างกายตนเองนำมาปลูกถ่ายทำให้ไม่เกิดโอกาสที่ร่างกายจะปฎิเสธเซลล์ที่นำมาปลูกถ่าย ปลอดภัย สบายใจ ไร้กังวลทุกขั้นตอนการทำ
FUE (Follicular Unit Extraction) เหมาะสำหรับใครบ้าง
การศัลยกรรมปลูกผม FUE นั้นเป็นวิธีการขั้นตอนแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผม ศีรษะต่างๆ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้ามารักษามากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่เหมาะสมกับการปลูกมีดังนี้
ผู้ที่มีผมร่วงและผมบาง ไม่สามารถรักษาจากการกินยา หรือ วิตามินได้
-ผู้ที่มีปัญหาศีรษะค่อนข้างเยอะจนเห็นหนังศีรษะ
-ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหน้าผากกว้าง
-ผู้ที่ต้องการปกปิดรอยแผลบริเวณศีรษะ
-ผู้ที่ต้องการตกแต่งเพื่อความสวยงาม
ข้อจำกัดสำหรับการทำ FUE
ข้อจำกัดในการปลูกผม FUE คือ ไม่สามารถปลูกผมด้วยวิธี FUE นี้ได้ทุกกรณี เพราะว่าการปลูกผม FUE เป็นการย้ายรากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกไว้ในบริเวณที่มีปัญหา ทำให้ผมท้ายทอยที่ถูกย้ายไปจะไม่มีผมขึ้นมาแทนที่ หากพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมมีบริเวณกว้าง ใช้จำนวนเกินกว่าจำนวนท้ายทอยที่มี ก็ไม่สามารถปลูกผม FUE ได้ หรือถ้าหากย้ายรากผมไป ผมในส่วนใหม่ก็มีโอกาสที่จะไม่หนาตามต้องการได้ รวมถึงผมที่ท้ายทอยก็จะดูบางเกินไป
.
นอกจากนี้ผมที่ต้องการนำมาปลูกจะต้องแข็งแรง พร้อมสำหรับการปลูก หากผมไม่พร้อมผมใหม่ที่ปลูกขึ้นจะน้อยและบางกว่าที่ควร ข้อจำกัดจากบริเวณผมท้ายทอยนั้นสามารถเข้ามาปรึกษาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินก่อนได้ว่าท่านสามารถทำได้หรือไม่ ติดต่อนัดจองคิวได้ที่ Line: @dermistique (มี @ ด้วยนะ )
ขั้นตอนการปลูกผม
6 ขั้นตอนสำหรับการปลูกผมโดยวิธีการ FUE (Follicular Unit Extraction)
- โกนผมบริเวณที่ต้องการปลูกผม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มทำ
- ฉีดยาชาให้ทั่วบริเวณที่ทำการปลูก
- ทำการเจาะกราฟผมด้วยเครื่องมือเจาะหนังศีรษะตรงรากผมเพื่อนำเซลล์ผมย้ายไปยังตำแหน่งที่ต้องการ (แต่ระหว่างที่รอปลูกนั้น ไม่ต้องกังวลเพราะแพทย์จะทำการรักษาอยู่ในน้ำยาเลี้ยงเซลล์ให้คงสภาพความสมบูรณ์ตลอดการรักษา )
- ขั้นตอนนำรากผมจากท้ายทอยมายังบริเวณใหม่ แพทย์จะทำการเจาะรูที่หนังศีรษะ เพื่อกำหนดตำแหน่งและทิศทางของแนวผม ความหนาของผม
- จากนั้นนำเซลล์รากผมใส่กลับลงไปจนครบทั้งหมด
- แพทย์จะปิดผ้าพันแผลที่บริเวณปลูกผมอย่างน้อย 1-2 วัน หลังจากปลูกผมเสร็จคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย
วิธีดูแลหลังการปลูกผม FUE
วิธีการดูแลทันทีหลังจากปลูกทันที
หลังจากทำไม่ควรแกะผ้าพันแผลออกอย่างน้อย 1 วัน รวมถึงห้าม แกะ เกา จับ หรือทำใดๆ ก็ตามกับแผลผ่าตัด ป้องกันรากผมได้รับความเสียหาย เพราะรากผมยังไม่เชื่อมติดกับผิวหนังที่เพิ่งปลูกลงไป
วิธีการดูแลผมและการทำความสะอาด :
สัปดาห์แรกหลังจากผ่าตัดทางคลินิกเรามีบริการล้างแผลให้ในช่วงแรก และระหว่างนั้นควรสระผมทุกวัน ด้วยแชมพูที่อ่อนโยนเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ โดยใช้น้ำอุณหภูมิปกติล้างบริเวณที่ผ่าตัด ระวังอย่าให้โดนน้ำโดยตรง เพราะสามารถทำให้รากผมหลุดออกไปได้ หากต้องการทำให้ผมแห้งสามารถซับเบา ๆ ได้ หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนที่ทำลายรากผมได้
วิธีการนอน :
ควรนอนหงายหรือนอนตะแคงเพื่อไม่ให้กราฟผมหลุดออกสามารถใช้หมอนรองคอเข้ามาช่วยป้องกันการกดทับบริเวณท้ายทอย สำหรับตรงนี้ไม่ต้องกังวลเพราะทางคลินิกจะมีหมวกสำหรับผู้ที่ปลูกผมให้โดยเฉพาะเป็นการป้องกันเซลล์ผมที่ปลูกใหม่นั้นเอง
การใช้ชีวิตประจำวัน :
ไม่ควรออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกเยอะ ประมาณ 5-7 วันและระมัดระวังไม่ให้ศีรษะกระทบกระเทือน