Aesthetic (Beauty)

Sculptra

"Sculptra คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์คอลลาเจน"
Sculptra

"Sculptra คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์คอลลาเจน"

การเสริมความงามด้วยฟิลเลอร์คอลลาเจน Sculptra กำลังเป็นที่สนใจอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่เติมเต็มริ้วรอย แต่ยังทำงานลึกกว่าด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวหนัง หากคุณเคยสงสัยว่าทำไมฟิลเลอร์ชนิดนี้ถึงโด่งดัง และมีความแตกต่างจากฟิลเลอร์อื่นๆ อย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจทุกมิติของ Sculptra ตั้งแต่การทำงาน เหมาะกับใคร วิธีการฉีด การเตรียมตัวและการดูแลหลังทำ ตลอดไปจนถึงรีวิวผลลัพธ์จากลูกค้าจริง

Sculptra ไม่ใช่แค่การรักษาผิวหน้าเพื่อความงาม แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อความอ่อนเยาว์ที่ยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้ผิวคุณกลับมามีความกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ไม่เพียงแต่เติมเต็ม แต่ยังปรับปรุงคุณภาพผิวของคุณในระยะยาว Sculptra อาจเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม

Sculptra คืออะไร?

Sculptra คือ ฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยกรดพอลิลแลกติก (Poly-L-lactic Acid) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) ฟิลเลอร์ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในผิวหนัง ซึ่งจะช่วยเติมเต็มและปรับปรุงโครงสร้างของผิวให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้น

ประเภทของฟิลเลอร์ Sculptra

แบบหลักๆ ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • Sculptra Aesthetic:

- ปริมาณ: บรรจุในขวดขนาด 10 cc

- ลักษณะการทำงาน: ใช้สำหรับการยกกระชับและเติมเต็มบริเวณใบหน้า เช่น กรอบหน้า, แก้ม และลดความหย่อนคล้อย

- ชั้นผิวที่ทำงาน: ทำงานที่ชั้น Dermis และชั้นลึกกว่า (Subcutaneous Tissue) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

- ผู้ผลิต: Allergan (บริษัทเดียวกับที่ผลิต Botox)

- แหล่งนำเข้า: ประเทศสหรัฐอเมริกา

  • Sculptra Body:

- ปริมาณ: บรรจุในขวดขนาด 10 cc

- ลักษณะการทำงาน: ใช้สำหรับการกระชับผิวและเติมเต็มบริเวณที่ใหญ่ขึ้น เช่น หน้าท้อง, ต้นแขน, และต้นขา

- ชั้นผิวที่ทำงาน: ทำงานที่ชั้น Dermis และชั้นลึกกว่า (Subcutaneous Tissue) เช่นเดียวกับ Sculptra Aesthetic แต่มีความเข้มข้นที่เหมาะกับการใช้ในบริเวณกว้าง

- ผู้ผลิต: Galderma

- แหล่งนำเข้า: ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

หลักการทำงานและระยะเวลา

เมื่อ Sculptra ถูกฉีดเข้าสู่ผิวหนัง กรดพอลิลแลกติกจะเริ่มทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อผิวหนัง Sculptra ทำงานโดยการกระตุ้นเซลล์ Fibroblasts ในชั้น Dermis ของผิวหนัง ซึ่งเป็นเซลล์ที่รับผิดชอบการสร้างคอลลาเจนใหม่ การกระตุ้นนี้จะทำให้ผิวหนังมีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นในระยะยาว ทำให้ผิวหนังมีความกระชับและยืดหยุ่นดีขึ้น ซึ่งต่างจากฟิลเลอร์ประเภทอื่นที่ทำงานเพียงการเติมเต็มเท่านั้น

.

"ผลลัพธ์ที่ได้ จากการ ฉีด Sculptra จะเห็นชัดเจนขึ้นภายใน 6-8 สัปดาห์หลังการฉีด และจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนหลังจากนั้น"

.

Sculptra จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการการปรับปรุงโครงสร้างผิวที่ยั่งยืนและเป็นธรรมชาติ ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระดับลึก

Sculptraเหมาะกับใครบ้าง?

Sculptra เหมาะกับผู้ที่ต้องการการปรับปรุงผิวหน้าหรือร่างกายโดยไม่ต้องการทำการผ่าตัดหรือใช้วิธีการที่รุ่นแรงเกินไป โดยกระบวนการจะใช้เวลาในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ภายในผิว หลังจากฉีดไปแล้ว ผิวจะค่อยๆ มีการปรับปรุงขึ้น โดยจะเห็นผลชัดเจนขึ้นในระยะ 4-6 สัปดาห์หลังการฉีด และผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะมีความเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้ยาวนานกว่าหัตถการแบบอื่นๆ ที่ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว เหมาะสําหรับกลุ่มคนที่มีลักษณะหรือปัญหาดังต่อไปนี้:

  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อย:

ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยที่มุมปาก หรือริ้วรอยที่เกิดจากการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนัง

  • ผู้ที่มีผิวหนังที่สูญเสียปริมาตร:

คนที่มีกรอบหน้า แก้ม หรือบริเวณอื่นที่ดูหย่อนคล้อยเนื่องจากการสูญเสียไขมันหรือคอลลาเจน

  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว:

Sculptra คือ ทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและไม่ต้องทำซ้ำบ่อยครั้ง

โดยที่สามารถฉีดได้ในหลายบริเวณของร่างกาย ซึ่งช่วยในการกระชับและเติมเต็มผิวหนังได้อย่าง

มีประสิทธิภาพ

จุดมหัศจรรย์ที่ Sculptra สามารถเนรมิตความอ่อนเยาว์

กรอบหน้า: ผู้ที่มีปัญหาการสูญเสียปริมาตรในกรอบหน้ามักนิยมฉีดเพื่อให้ใบหน้าดูยกกระชับ

แก้ม: เพื่อเติมเต็มความหย่อนคล้อยและปรับรูปทรงของแก้ม

ใต้ตา: สำหรับการลดความหมองคล้ำและอาการบวม

.

บริเวณอื่นๆ ที่สามารถฉีดได้

หน้าท้อง: สำหรับการยกกระชับผิวหนังหลังการลดน้ำหนักหรือการตั้งครรภ์

ต้นแขน: ช่วยลดความหย่อนคล้อยและปรับโครงสร้างผิวหนัง

ต้นขา: ลดความหย่อนคล้อยและช่วยในการปรับรูปร่าง

หรือแม้กระทั่งบริเวณ มือ ก็สามารถเติมเต็มและปรับปรุงรูปลักษณ์ของผิวหนังที่มีความหย่อนคล้อยหรือสูญเสียปริมาตรให้กลับมาอ่อนเยาว์และเต่งตึงได้เช่นกันค่ะ

.

Sculptra แตกต่างจากหัตถการดูแลผิวอื่นอย่างไร? ค้นพบความพิเศษที่คุณอาจยังไม่รู้

ยืนหนึ่งเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนและปรับรูปทรงของใบหน้า เรามาลองทำความเข้าใจว่าการรักษาด้วย Sculptra แตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ อย่างไรกันต่อด้วยการจับคู่เพื่อให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนของแต่ละเทคนิคกันเลย เพื่อเป็นข้อมูลให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นในการเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการและเป้าหมายของทุกคนค่ะ

เริ่มกันที่

Sculptra vs. เมโส (Mesotherapy)

  • Sculptra:

- หลักการทำงาน: ใช้ Poly-L-lactic acid (PLLA) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้น Dermis และ Subcutaneous Tissue ช่วยเติมเต็มและยกกระชับผิว

- ผลลัพธ์: ผลลัพธ์ระยะยาว เนื่องจากกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

- ระยะเวลาการเห็นผล: มักจะเห็นผลหลังการฉีด 2-3 เดือน และผลลัพธ์เต็มที่หลังจากการฉีด

3-6 เดือน

- การรักษา: ต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • เมโสเทอราพี (Mesotherapy):

- หลักการทำงาน: ใช้การฉีดสารอาหารหรือวิตามินเข้าสู่ชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูผิวและปรับเสริมเพิ่มความชุ่มชื้น

- ผลลัพธ์: ผลลัพธ์ที่ชัดเจนแต่ไม่ยั่งยืนเท่ากับ Sculptra เนื่องจากเป็นการปรับปรุงชั้นผิวบน

- ระยะเวลาการเห็นผล: ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันทีหลังการรักษาและอาจต้องทำซ้ำบ่อยครั้ง

- การรักษา: เหมาะสำหรับการปรับปรุงผิวชั้นบน เช่น ผิวแห้งหรือผิวที่หมองคล้ำ

.

จากการเปรียบเทียบจะเห็นข้อแตกต่างว่า Mesotherapy ทําแล้วเห็นผลทันทีแต่อาจต้องทําหลายครั้ง ซึ่งแตกต่างจาก Sculptra ที่ใช้เวลาหน่อยในการเห็นผลแต่เป็นผลลัพธ์อย่างยั่งยืน ก็ต้องลองเปรียบเทียบกันดูนะคะว่าชอบแบบไหนกัน และแบบไหนที่คุ้มค่ากับการลงทุนที่สุดค่ะ

Sculptra vs. รีจูรัน (Rejuran)

  • Sculptra:

- หลักการทำงาน: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกเพื่อเติมเต็มและยกกระชับผิว

- ผลลัพธ์: เน้นที่การเพิ่มความสมส่วน สมดุลให้กับโครงหน้าหรือผิวและยกกระชับ

- ระยะเวลาการเห็นผล: ผลลัพธ์เต็มที่หลังการฉีด 3-6 เดือน

.

  • รีจูรัน (Rejuran):

- หลักการทำงาน: ใช้สารพรีพอไรม (Polynucleotide) ซึ่งช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว

- ผลลัพธ์: ปรับปรุงความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว

- ระยะเวลาการเห็นผล: ผลลัพธ์สามารถเห็นได้หลังการรักษาหลายครั้ง ซึ่งโดยปกติแล้วการทำรีจูรันจะต้องทำประมาณ 2-4 ครั้ง โดยจะทำห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ระหว่างแต่ละครั้ง ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ชัดเจนหลังจากการรักษาครั้งที่ 2 หรือ 3 แต่จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังจากทำครบชุดตามแผนที่กำหนด อาจเห็นผลได้พอ ๆ กับการทํา Sculptra

.

ดังนั้นการเลือกใช้ Sculptra หรือ Rejuran ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ซึ่งหากใครต้องการอยากยกกระชับผิวอย่างยั่งยืน แน่นอนว่าต้องใช้ Sculptra แน่นอนค่ะ

Sculptra vs. กูลิ (Glycolic Acid Peels)

  • Sculptra:

- หลักการทำงาน: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้น Dermis และ Subcutaneous Tissue

- ผลลัพธ์: การปรับรูปทรงและเติมเต็มผิว

- ระยะเวลาการเห็นผล: ผลลัพธ์เต็มที่หลังจากการฉีด 3-6 เดือน

  • กูลิ (Glycolic Acid Peels):

- หลักการทำงาน: ใช้กรดไกลโคลิกในการผลัดเซลล์ผิวหนังเก่าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่

- ผลลัพธ์: ปรับปรุงความเรียบเนียนและลดรอยเหี่ยวย่น

- ระยะเวลาการเห็นผล: ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันทีหลังการรักษา

.

เห็นได้ชัดเจนว่าสองเทคนิคของการรักษานี้ทํางานต่างหน้าที่กัน Sculptra เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาณผิวหนังและการยกกระชับในบริเวณที่หย่อนคล้อย แต่ Glycolic Acid Peels จะเหมาะสำหรับการปรับสภาพผิว การลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ และการปรับสีผิว ซึ่งจุดประสงค์ของการแก้ไขในสองส่วนนี้แตกต่างกัน ดังนั้นเลือกได้เลยค่ะว่าอยากแก้ปัญหาส่วนไหนเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผิวหน้าของเรา

Sculptra vs. เอกโซโซม (Exosome Therapy)

  • Sculptra:

- หลักการทำงาน: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึกเพื่อเติมเต็มและยกกระชับ

- ผลลัพธ์: การปรับรูปร่างและเติมเต็มผิว

- ระยะเวลาการเห็นผล: ผลลัพธ์เต็มที่หลังจากการฉีด 3-6 เดือน

.

  • เอ็กโซโซม (Exosome Therapy):

- หลักการทำงาน: ใช้เอ็กโซโซมจากเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูผิวและการซ่อมแซมเซลล์

- ผลลัพธ์: ปรับปรุงความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว

- ระยะเวลาการเห็นผล: ต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยทั่วไปแนะนำให้ทำการรักษาอย่างน้อย 3-4 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน การทำแต่ละครั้งมักจะเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลาในการฟื้นฟูและกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

.

สรุปได้ว่า Exosome Therapy เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ที่จําเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อีกมุมหนึ่ง Sculptra เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันในการเพิ่มความกระชับและเติมเต็มริ้วรอยโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานอย่างยั่งยืน ดังนั้นการเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการส่วนบุคคล ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับสภาพผิวค่ะ

.

"มาจนถึงตรงนี้ หลายคนก็ยังอาจสงสัยว่าแล้ว Sculptra นั้นทําควบคู่กับการดูแลรักษาด้วยหัตถการประเภทอื่นๆ ได้อีกหรือไม่"

.

คําตอบคือ ได้ค่ะ โดยทั่วไปแล้ว การรวมกันของ Sculptra กับหัตถการอื่นๆ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในเรื่องของความงามและการฟื้นฟูผิว อย่างเช่น

  • โบท็อกซ์ (Botox) และ ฟิลเลอร์ (Dermal Fillers)

Sculptra และ โบท็อกซ์ หรือ ฟิลเลอร์ สามารถทำร่วมกันได้ เนื่องจาก Sculptra ทำงานโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ขณะที่โบท็อกซ์ช่วยลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย และฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มริ้วรอยหรือขาดแคลนเนื้อเยื่อ ซึ่งการทำโบท็อกซ์ควรทำหลังจากการฉีด Sculptra เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ หรืออีกตัวอย่าง

  • การทำ Ultherapy หรือ Thermage

Ultherapy และ Thermage เป็นหัตถการที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังลึก ซึ่งสามารถทำร่วมกับ Sculptra ได้ โดยที่การทำ Ultherapy หรือ Thermage สามารถทำหลังจากการฉีด Sculptra เพื่อเสริมความกระชับของผิว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เกี่ยวกับการรวมการรักษาแต่ละประเภท เพื่อให้มั่นใจว่าการรวมกันของหัตถการต่างๆ จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลังนะคะ

.

เราจะมาศึกษาวิธีการเตรียมตัวในส่วนของ ขั้นตอนการฉีดเบื้องต้น การเตรียมตัวก่อนและหลังกันต่อ

เตรียมพร้อมรับมือกับความสวยด้วย Sculptra

  • 1. การปรึกษาและการประเมินสภาพผิว

พบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเพื่อประเมินสภาพผิวและพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการและเป้าหมายของการรักษาและจะตรวจสอบสภาพผิวหน้าและพิจารณาว่าการฉีด Sculptra เหมาะสมหรือไม่ รวมถึงเลือกบริเวณที่จะทำการฉีด

  • 2. การเตรียมตัวก่อนการฉีด

การเตรียมผิว: ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดอย่างละเอียด

การใช้ยาชา: ใช้ยาชาทั้งทาบริเวณที่ทำการฉีดหรือใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อให้การฉีดมีความสบายมากขึ้น

  • 3. เริ่มการฉีด Sculptra

การเตรียมสาร: สาร Sculptra ที่จะฉีดจะถูกผสมกับน้ำเกลือ (dilution) ตามสูตรที่แพทย์กำหนด

การฉีด: ใช้เข็มหรือเข็มขนาดเล็กในการฉีดสาร Sculptra เข้าไปในชั้นผิวหนังที่ต้องการ โดยมักจะฉีดในชั้นที่เป็น “ลึกกว่า” เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

เทคนิคการฉีด: เทคนิคการฉีดจะต้องมีความแม่นยำเพื่อให้ได้การกระจายของสารที่สม่ำเสมอและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • 4. การดูแลหลังการฉีด

การดูแลผิว: หลังการฉีดควรนวดเบาๆ เพื่อให้ตัวยากระจายได้ทั่วบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 5 วันแรกหลังจากการฉีด

การปฏิบัติตัว: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่บริเวณที่ฉีด

การสังเกตผล: ติดตามการเปลี่ยนแปลงของผิว และเข้าพบแพทย์ตามคำแนะนำเพื่อการติดตามผลและตรวจสอบว่ามีผลข้างเคียงหรือไม่

  • 5. การติดตามผล

การตรวจสอบ: มีการนัดหมายเพื่อประเมินผลลัพธ์การรักษาหลังจากการฉีด

การเติม: เนื่องจาก Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ อาจต้องทำการฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การเตรียมตัวก่อน-หลัง ทํา Sculptra

  • ก่อนการฉีด:

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน หรือสารที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด โดยการฉีด Sculptra ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนบริเวณที่ต้องการทำการรักษาและปริมาณสารที่ใช้ อาจต้องทำซ้ำทุก 4-6 สัปดาห์ โดยทั่วไปจะต้องทำ 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์

  • หลังการฉีด:

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการบวมและการระคายเคือง เช่น ครีมบรรเทาอาการบวม รวมถึงการหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือการนวดที่บริเวณฉีด โดยมีพฤติกรรมที่ต้องหลีกเลี่ยงหลังการฉีด Sculptra เช่น

.

หลังจากการฉีด ควรนวดเบาๆ เพื่อให้ตัวยากระจายได้ทั่วบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 5 วันแรกหลังจากการฉีดรวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนหรือการทำกิจกรรมที่อาจทำให้เหงื่อออกมาก เช่น การอบซาวน่า

เรื่องเล่าจากลูกค้าจริง

เราจะมาแชร์จาก Sculptra รีวิวประสบการณ์จากลูกค้าจริงที่ได้ลองทํากันดูนะคะว่าแต่ละท่านเป็นอย่างไรกันบ้าง รีวิวจริงแบบไม่มีกั๊กเลยค่ะ

.

sculptra รีวิวที่ 1: คุณ พลอย (อายุ 35 ปี) - ผลลัพธ์หลังใช้ 3 เดือน

คุณ พลอย เป็นผู้หญิงวัยทำงานที่เริ่มกังวลเกี่ยวกับริ้วรอยบางๆ ที่เริ่มปรากฏ จึงตัดสินใจลองใช้ Sculptra เพื่อป้องกันและชะลอความเสื่อมของผิว หลังจากทำทรีทเมนต์ไป 3 เดือน สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าประทับใจ:

"ผิวของฉันดูเปล่งปลั่งและมีชีวิตชีวามากขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตาจางลงอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนร่วมงานถึงกับทักว่าฉันดูสดใสขึ้น แต่พวกเขาไม่รู้ว่าฉันทำอะไรมา นี่เป็นผลลัพธ์ที่ฉันพอใจมาก โดยที่ยังดูเป็นธรรมชาติ”

.

sculptra รีวิวที่ 2: คุณ ฟ้า (อายุ 45 ปี) - การเปลี่ยนแปลงหลังใช้ 6 เดือน

คุณ ฟ้า เป็นคุณแม่ลูกสองที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าที่เริ่มหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยชัดเจน หลังจากใช้ Sculptra เป็นเวลา 6 เดือน รู้สึกประทับใจกับผลลัพธ์:

"ฉันรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไป 5 ปี ผิวของฉันกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณแก้มและขากรรไกรที่เคยหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึกๆ ดูตื้นขึ้นมาก ที่สำคัญคือความมั่นใจของฉันกลับมาแล้ว ฉันรู้สึกสบายใจที่จะออกไปข้างนอกโดยไม่ต้องแต่งหน้าหนาๆ อีกต่อไป”

.

จากทุกเคสจะเห็นได้ชัดถึงประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการทํา Sculptra เป็นที่น่าพอใจในการปรับปรุงสภาพผิวและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ในช่วงอายุและระยะเวลาการใช้งานที่แตกต่างกัน

บทสรุป

Dermistique ผู้นำด้านความงามกับ Sculptra

ความอ่อนเยาว์เป็นที่ต้องการและโหยหาเป็นอย่างมากในสมัยนี้ Dermistique ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในวงการความงามด้วยความเชี่ยวชาญในการให้บริการ Sculptra อย่างมืออาชีพ ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทาง Dermistique มอบประสบการณ์การรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด คลินิกของเราได้รับการออกแบบให้สะอาดและได้มาตรฐานทางการแพทย์ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่านได้อย่างแน่นอน

เรามุ่งมั่นในการใช้ผลิตภัณฑ์ Sculptra ที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมายและมีใบอนุญาตรับรอง รับประกันคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งของเราไม่ใช่เพียงคำพูด แต่พิสูจน์ได้จากเคสตัวอย่างมากมายที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าพอใจ

เราเข้าใจความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละท่าน และพร้อมให้บริการที่ตรงใจ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งก่อนและหลังการรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

.

มาสัมผัสประสบการณ์ความงามระดับพรีเมียมที่จะเปลี่ยนคุณให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง ด้วยความเชี่ยวชาญของเรา คุณจะมั่นใจได้เลยว่าความงามของคุณอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญตัวจริงค่ะ แอบบอก Sculptra ราคานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยทั่วไปแล้ว ราคาต่อขวดอยู่ที่ประมาณ 15,000 - 25,000 บาท ซึ่งอาจดูเหมือนสูง แต่เมื่อพิจารณาถึงประสิทธิภาพและความยาวนานของผลลัพธ์แล้ว ถือว่าคุ้มค่า สำหรับการรักษาทั่วไป ผู้รับบริการมักต้องใช้ 2-4 ขวดต่อครั้ง และทำการรักษา 3 ครั้งในระยะเวลา 3-4 เดือน

.

สุดท้ายนี้ การตัดสินใจทำ Sculptra ควรพิจารณาทั้งด้านราคาและคุณภาพควบคู่กันไป และที่สำคัญที่สุดคือ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณก่อนตัดสินใจนะคะ

"ลงทุนกับผิวสวยวันนี้ เพื่อความมั่นใจที่ยาวนานในวันข้างหน้า Sculptra อาจเป็นคำตอบที่คุ้มค่าสำหรับคุณ"